กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

กรม สบส. จับมือ DSI บูรณาการความร่วมมือ ยกร่างกฎหมายอุ้มบุญขจัดปัญหาการับจ้างตั้งครรภ์แทน

กรม สบส. จับมือ DSI บูรณาการความร่วมมือ ยกร่างกฎหมายอุ้มบุญขจัดปัญหาการรับจ้างตั้งครรภ์แทน

line_album_20-12-64-_

          กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จับมือกรมสอบสวนคดีพิเศษ บูรณาการความร่วมมือ 2 หน่วยงาน ทั้งการจัดทีมปฏิบัติงานร่วม และยกร่างกฎหมายให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ปัญหาในปัจจุบัน เกิดการป้องปราม และนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างประเทศมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

line_album_20-12-64-__1

          เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรม สบส. พร้อมด้วย ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ประชุมทางไกลปรึกษาหารือ กรณีการกระทำที่อาจไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ร่วมกับ นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigation : DSI)

          นพ.ธเรศฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 กรม สบส. และ DSI ได้มีการดำเนินคดีกับหญิงไทย และขบวนการรับจ้างตั้งครรภ์แทน (อุ้มบุญ) มาอย่างต่อเนื่อง และด้วยคดีดังกล่าวมักเป็นคดีที่มีความซับซ้อนทั้งในการสืบหาผู้ร่วมขบวนการ เอเจนซี่ (Agency) หรือเส้นทางการเงินของขบวนการรับจ้างอุ้มบุญที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กเกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ฯ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ กรม สบส. และ DSI จึงวางแผนบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ซึ่งขณะนี้ กรม สบส.ได้มีการดำเนินการในคดีที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ ร่วมกัน DSI อยู่ จำนวน 38 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ร้องเรียนเกี่ยวกับอุ้มบุญ  31 เรื่อง 2.การโฆษณา 4 เรื่อง และ3.ร้องเรียนอื่นๆ 3 เรื่อง

          นพ.ไตรยฤทธิ์ฯ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการบังคับใช้กฎหมาย ภายในเดือนมกราคม พ.ศ.2565 ทาง DSI จะพิจารณายกระดับให้คดีอุ้มบุญเป็นคดีพิเศษ โดยจะมีการนำกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ กฎหมายป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ และกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาดำเนินการกับผู้กระทำผิด ซึ่งการที่ 2 หน่วยงาน ตั้งเป้าในการบูรณาการความร่วมมือกัน จะช่วยให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างเข้มข้น เกิดการป้องปราม และสามารถนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างประเทศมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

line_album_20-12-64-__0

          ทั้งนี้ อธิบดีฯ ทั้ง 2 ท่านให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า กรม สบส.และ DSI ได้มีการวางแผนการดำเนินการร่วมกันในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 อยู่ 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การลงนามหนังสือบันทึกข้อตกลงระหว่างองค์กร (Memorandum Of Understanding :MOU) ร่วมกัน เพื่อการดำเนินงานในลักษณะคู่ขนานอย่างยั่งยืน 2. การจัดทีมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกันระหว่างหน่วยงาน 3. การจัดอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างบุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน และ 4. การยกร่างกฎหมายให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ปัญหาในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองประชาชนต่อไป โดยคาดว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ปัญหาและเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบอุ้มบุญภายในประเทศจะลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียวก็อาจจะไม่สามารถขจัดปัญหาการลักลอบอุ้มบุญให้หมดไป จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ ทั้งการรับจ้างตั้งครรภ์ การโฆษณาชักชวน หรือเป็นนายหน้าให้มีการตั้งครรภ์แทน ขอให้แจ้งที่สายด่วนกรม สบส. 1426 เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป         

     

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ