กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เสริมความเข้มแข็งระบบสุขภาพปฐมภูมิ สนับสนุนอุปกรณ์ในการปฎิบัติงาน 28,000 ชุด ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คัดกรองสุขภาพของประชาชน ในพื้นที่เป้าหมาย 37 จังหวัด เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ รองรับแนวทาง
One Region-One Province-One Hospital
นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร อธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ของประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ เนื่องจากเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะโรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาวาน ซึ่งทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 กรม สบส.จึงมีนโยบายสร้างความเข้มแข็งระบบสุขภาพปฐมภูมิ โดยการขับเคลื่อนและยกระดับให้ ศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน (ศสมช.) เป็นศูนย์ปฏิบัติการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังประจำหมู่บ้าน (ศูนย์ NCDs ประจำหมู่บ้าน) ที่มีบทบาทในการคัดกรอง NCDs เบื้องต้น และให้บริการสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน โดยส่งเสริมให้ อสม.มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ลดป่วย ลดโรค ลดรายจ่าย ลดเวลา และความแออัดจากการไปรับบริการที่สถานบริการสาธารณสุข โดย กรม สบส. ได้ดำเนินการสนับสนุนระบบการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลพร้อมเครื่องมือ ให้กับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ที่เป็นศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน (NCDs Prevention Center) จำนวน 300 แห่ง ในพื้นที่เป้าหมาย 37 จังหวัด และในเดือนธันวาคม 2568 กรม สบส. จะดำเนินการสนับสนุนอุปกรณ์ปฏิบัติงานหรือกระเป๋า อสม. ซึ่งประกอบด้วย คอมพิวเตอร์แบบพกพา/เครื่องวัดความดัน/เครื่องวัดออกซิเจน/เครื่องวัดอุณหภูมิ/เครื่องชั่งน้ำหนัก/สายวัดรอบเอว ฯลฯ จำนวน 28,000 ชุด ให้พี่น้อง อสม. ได้นำไปใช้ปฏิบัติงานคัดกรองสุขภาพของประชาชนในชุมชน พร้อมส่งต่อข้อมูลที่ได้ให้กับศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน (NCDs Prevention Center) ได้นำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ และวางแผนป้องกันโรคให้คนไทยห่างไกลจากโรค NCDs ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง นำไปสู่ชุมชนขับเคลื่อนสาธารณสุขมูลฐานอย่างยั่งยืน
“การแบ่งปันข้อมูลระหว่างศูนย์ NCDs ประจำหมู่บ้าน โดย อสม. และศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชนนอกจากจะทำให้การดำเนินการป้องกันโรค NCDs เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสอดรับกับแนวทาง One Region-One Province-One Hospital ของกระทรวงสาธารณสุข ในการบริหารทรัพยากรสถานพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุขร่วมกัน ซึ่งการได้รับข้อมูลตรงจาก อสม.ที่เป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนนั้น ย่อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ ลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน นำไปสู่การยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม” นายแพทย์ภูวเดชฯ
กล่าวทิ้งท้าย