- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 35
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 213
กรม สบส.ร่วมทีมจังหวัดปทุมธานีลุยสอบ เหตุ รพ.เอกชน ปล่อยน้ำเสียลงที่สาธารณะ
ดร.ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่พบข้อร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่าพบสถานพยาบาลเอกชน ปล่อยน้ำทิ้งมายังท่อระบายน้ำในโครงการหมู่บ้านจนเอ่อล้นถนนในโครงการ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ประชาชนเกรงว่าจะมีเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดโรคระบาดได้ เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าว นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส.ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และพนักงานเจ้าหน้าที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 4 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายกเทศมนตรี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบพบน้ำขังบริเวณพื้นถนนรอบบริเวณโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งน้ำที่ขังมีลักษณะเป็นโคลนและส่งกลิ่นเหม็น โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า สาเหตุของน้ำขังเกิดจากท่อน้ำบริเวณขอบถนนมีลักษณะอุดตันไม่เกิดการระบายน้ำ จึงทำให้น้ำขังและส่งกลิ่นเหม็น ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงพยาบาลเอกชน และระบบท่อน้ำของโรงพยาบาลก็ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกันกับบริเวณด้านนอกที่มีน้ำท่วมขัง อีกทั้งจากการตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ไม่พบสิ่งผิดปกติและค่าน้ำในบ่อบำบัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำในบ่อบำบัด ส่งตรวจกับสำนักงานอนามัยเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และให้โรงพยาบาลแจ้งผลให้กับประชาชนผู้ร้องเรียนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการดำเนินการของสถานพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2193 7000 หรือหากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบให้คลายข้อสงสัยต่อไป
************* 5 กันยายน 2567
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 148
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้กำลังใจกับครอบครัวอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมยกย่องเชิดชูคุณงามความดีและความเสียสละในครั้งนี้
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรม สบส.ได้มอบหมายให้ นายนฤดล อ่วมสุข ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 (ศบส.1) ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ อสม.ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และแสดงความเสียใจกับครอบครัว ญาติของ อสม. ธีรยุทธ สิริวรรณสถิต ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยเบื้องต้นกรม สบส. ได้แจ้งให้ทายาทส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย และมูลนิธิ อสม. ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรสำคัญต่อวงการสาธารณสุขไทย โดย อสม. ธีรยุทธฯ ถือเป็นบุคลากรต้นแบบที่เป็นจิตอาสาที่เสียสละแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน กรม สบส.จะเร่งดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อตอบแทนคุณงามความดีของ อสม. ธีรยุทธฯ ต่อไป
“กรม สบส. ขอส่งกำลังใจ และแสดงความเป็นห่วงต่อพี่น้อง อสม.ทุกท่านที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และขอให้ดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ” นายแพทย์สุระฯ อธิบดีกรม สบส. กล่าว
ด้านนายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และสนับสนุนการปฎิบัติงานของ อสม.ในพื้นที่ประสบอุทกภัย กรม สบส. ได้มอบหมายให้ ศบส. 1 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเสริมพลังใจแก่ อสม.ที่ประสบอุทกภัย และดินโคลนถล่มในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมมอบชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน อาทิ รองเท้าบูต ถุงขยะ ชุดกันฝน ยาสามัญประจำบ้าน ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า และถุงมือยาง
เป็นต้น เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติหน้าที่ให้กับ อสม.ที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม จำนวน 200 ชุด โดยได้รับการสนับสนุนจากกองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน
*********** 17 กันยายน 2567 ***********
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 225
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมสนับสนุนระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน หรือทีมเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) เข้าฟื้นฟูสถานพยาบาลในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม
นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ของเขตสุขภาพที่ 1 กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กันยายน 2567) เผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ และลำปาง มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 13 ราย และมีสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย จำนวน 28 แห่ง กรม สบส. จึงได้มอบหมายให้ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ 1 (ศบส. 1) ส่งทีมเอ็มเสิร์ท เข้าสำรวจความเสียหายของสถานพยาบาล อาทิ เครื่องมือแพทย์ ระบบสื่อสาร ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และอาคารสถานที่ ฯลฯ โดยเบื้องต้นพบ โรงพยาบาลน่าน ได้รับผลกระทบในทุกด้าน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองน่าน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ตรวจพบเครื่องมือแพทย์ชำรุด จำนวน 15 เครื่อง อาคารสิ่งปลูกสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องมือแพทย์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์/สำนักงาน ได้รับความเสียหาย ประมาณมูลค่ากว่า 420,000 บาท ทีมเอ็มเสิร์ทจึงได้ดำเนินการตรวจเช็ค พร้อมให้การช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้โดยเร็ว นอกจากนี้ยังพบว่ามี อสม. ที่ได้รับผลกระทบในเขตสุขภาพที่ 1 มากกว่า 2,000 ราย ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบด้านทรัพย์สิน
นพ.สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า ส่วนในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 2 ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก และอุตรดิตถ์ เบื้องต้นยังไม่พบสถานบริการสาธารณสุขได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ได้กำชับให้ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ ภาคเหนือ ติดตามเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมกำลังคน สิ่งของ ให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทีมเอ็มเสิร์ทจะได้สามารถเข้าช่วยเหลือสถานพยาบาลในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที
********************** 3 กันยายน 2567 **********************
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 161
กรม สบส. ร่วมแสดงศักยภาพสาธารณสุขไทยในเวทีนิทรรศการระดับโลก World Expo 2025
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมจัดงาน World Expo 2025 Osaka Kansai แสดงศักยภาพสาธารณสุขไทย ดึงดูดนักลงทุน ส่งเสริมเศรษฐกิจชาติ หนุนนำประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ ประเทศญี่ปุ่น โดย World expo ซึ่งถือเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกจะมีการจัดขึ้นประจำทุก 5 ปี ซึ่งในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขสรรค์สร้างอาคารนิทรรศการ “วิมานไทย (VIMANA THAI)” นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมที่มีรากฐานมาจากภูมิปัญญาไทยภายใต้แนวคิด “SMILE” มาเป็นจุดดึงดูดและสร้างความสนใจจากประเทศสมาชิกและองค์กรระหว่างประเทศ ที่เข้าร่วมงานกว่า 28.2 ล้านคน ซึ่งการร่วมจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Soft Power ของไทยสู่สายตาชาวโลกแล้ว ยังเกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจต่อทั้งองคาพยพของประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่คนไทย รวมทั้ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ประเทศ อันจะนำไปสู่การลงทุน และการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสุขภาพ และระบบสาธารณสุขไทยให้ทั่วโลกรับรู้ หนุนนำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก ซึ่งจะสร้างรายได้มหาศาล มิใช่แค่ในภาคการสาธารณสุข แต่ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดรายได้ในอุตสาหกรรมภาคอื่นๆ ในอนาคต
นายแพทย์สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมจัดงานในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีการกำหนดการใช้งบประมาณอย่างประหยัด คุ้มค่า โดยวัสดุจัดแสดงนิทรรศการเมื่อสิ้นสุดงานแล้วสามารถนำกลับประเทศ เพื่อนำมาใช้งานให้เกิดความคุ้มค่า อีกทั้ง มุ่งเน้นความสำคัญในการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์กับทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทั้งด้านความเชื่อมั่นต่อนโยบายรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงด้านสังคม และวัฒนธรรม ฯลฯ ในโอกาสที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่เวทีนิทรรศการระดับโลก จึงขอเชิญชวนนักลงทุน และผู้มีความสนใจทั้งในและนอกประเทศ มาร่วมรับชมความก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขไทย ที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางสุขภาพของโลก ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansa ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 122
อธิบดีกรม สบส. เปิดงานวิชาการ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย”
อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) เปิดงานวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายใต้หัวข้อ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย” เปิดเวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ผลงานวิชาการ และนวัตกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่าย หนุนเสริมระบบสุขภาพไทยให้ดีอย่างยั่งยืน
วันนี้ (29 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรม แกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา จังหวัดชลบุรี นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดว่า กรม สบส. เป็นหน่วยงานวิชาการที่มีพันธกิจหลักในการพัฒนาระบบการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชนให้มีความก้าวหน้า ยั่งยืน ผู้ใช้บริการมีความปลอดภัย ประชาชนมีแนวทางจัดการสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน จนเกิดพฤติกรรมสุขภาพอันถูกต้องเหมาะสม กรม สบส. จึงกำหนดจัดงานวิชาการฯ ขึ้น ระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2567 เพื่อถ่ายทอดทิศทางนโยบาย องค์ความรู้ ผลงานวิชาการและนวัตกรรม ให้บุคลากรและเครือข่ายทางด้านวิชาการได้นำไปใช้ประโยชน์ เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เกิดองค์ความรู้ที่ทันสมัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างเครือข่ายทางวิชาการ โดยในปีนี้กรม สบส.จัดงานภายใต้กรอบแนวคิด “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตประเทศไทย” มุ่งเน้นให้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่ครอบคลุมองค์ความรู้ ทั้งด้านระบบสุขภาพภาคประชาชน การคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ มาตรฐานระบบบริการสุขภาพ และเศรษฐกิจสุขภาพ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างยั่งยืน โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 900 คน
ด้าน ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า สำหรับ กิจกรรมในงานวิชาการกรม สบส. ในปีนี้ ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการในหัวข้อ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตประเทศไทย” การปาฐกถาและบรรยายพิเศษจากอดีตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการที่มีชื่อเสียงจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายฝันเด่น จรรยาธนากร แกนนำอาสาสมัครมูลนิธิใจถึงใจ ฯลฯ ซึ่งจะมาถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับผู้ร่วมงานได้นำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและดำเนินชีวิต รวมทั้ง การมอบรางวัลและโล่เกียรติบัตรให้แก่ผู้นำเสนอผลงานวิชาการ สาขาสุขภาพภาคประชาชน สาขาเศรษฐกิจสุขภาพ สาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพ และสาขามาตรฐานบริการสุขภาพ รางวัลหน่วยงานเครือข่าย รางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลที่สนับสนุนภารกิจกรม สบส. และรางวัลเชิดชูเกียรติหน่วยงานสังกัดกรม สบส. เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิชาการ และการดำเนินงานด้านระบบบริการสุขภาพ และระบบสุขภาพภาคประชาชนต่อไป
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 29
กรม สบส. ร่วมโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ สนองพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข
วันนี้ (5 กันยายน 2567) ณ บริเวณหน้าเสาธง และโถงอาคาร 3 ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากรกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมโครงการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “กระทรวงสาธารณสุขรวมใจ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” โดยมีพิธีถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกิจกรรม “โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” พร้อมนำเสนอการดำเนินงานโครงการ อสม.ทั่วไทย รวมใจปักหมุดผ่านแอป “พ้นภัย” เพื่อกลุ่มเปราะบางเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรม
- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 86
กรม สบส. จับมือ สกมช. ดึง อสม. เป็นแนวร่วมสกัดภัยคุกคามทางไซเบอร์
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จับมือสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ร่วมกันกำหนดนโยบาย มาตรการ แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2567 มีการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ ทั้งหมด 612,603 เรื่อง โดย 3 อันดับแรกคือ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 296,042 เรื่อง รองลงมา หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ 82,162 เรื่อง และหลอกให้กู้เงิน 63,878 เรื่อง ดังนั้น เพื่อยกระดับความร่วมมือในการป้องกันการหลอกลวงทางไซเบอร์ กรม สบส. จึงร่วมกับ สกมช ในการสร้างองค์ความรู้สู่ประชาชน ผ่านเครือข่าย อสม. จำนวน1,075,163 คน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้สามารถรู้เท่าทันกลลวง มีภูมิคุ้มกันด้านไซเบอร์ ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และเมื่อ อสม.มีความรู้ความเข้าใจ ก็จะสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวและชุมชนได้ กรม สบส. จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้จากคุกคามทางไซเบอร์ เกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ อสม. และป้องกันการถูกหลอกลวงทางเทคโนโลยี
นพ.สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และยกระดับทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ อสม. โดยมีระยะเวลา 2 ปี ทั้งในรูปแบบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ e-learning รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนการดำเนินการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ร่วมกัน
ทั้งนี้ กรม สบส.และสกมช. ได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ร่วมเป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงาน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
หน้าที่ 1 จาก 49