กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

62803378b3bf61c7883c88f1884976ad

สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดรับสมัครลูกจ้างเหมาบริการ ช่วยปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ (ช่างภาพ/ช่างวิดีโอ) จำนวน 1 อัตรา ผู้สนใจ ส่งเอกสารพร้อมใบสมัคร ได้ตั้งแต่บัดนี้ - 15 ตุลาคม 2567

กรม สบส.ร่วมทีมจังหวัดปทุมธานีลุยสอบ เหตุ รพ.เอกชน ปล่อยน้ำเสียลงที่สาธารณะ

0e1dc51725537bf9e9041778e694a41c

          ดร.ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่พบข้อร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่าพบสถานพยาบาลเอกชน ปล่อยน้ำทิ้งมายังท่อระบายน้ำในโครงการหมู่บ้านจนเอ่อล้นถนนในโครงการ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ประชาชนเกรงว่าจะมีเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดโรคระบาดได้ เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าว นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส.ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และพนักงานเจ้าหน้าที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 4 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายกเทศมนตรี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบพบน้ำขังบริเวณพื้นถนนรอบบริเวณโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งน้ำที่ขังมีลักษณะเป็นโคลนและส่งกลิ่นเหม็น โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า สาเหตุของน้ำขังเกิดจากท่อน้ำบริเวณขอบถนนมีลักษณะอุดตันไม่เกิดการระบายน้ำ จึงทำให้น้ำขังและส่งกลิ่นเหม็น ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงพยาบาลเอกชน และระบบท่อน้ำของโรงพยาบาลก็ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกันกับบริเวณด้านนอกที่มีน้ำท่วมขัง  อีกทั้งจากการตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ไม่พบสิ่งผิดปกติและค่าน้ำในบ่อบำบัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำในบ่อบำบัด ส่งตรวจกับสำนักงานอนามัยเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และให้โรงพยาบาลแจ้งผลให้กับประชาชนผู้ร้องเรียนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป

       ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการดำเนินการของสถานพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2193 7000 หรือหากอยู่ในส่วนภูมิภาคก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการตรวจสอบให้คลายข้อสงสัยต่อไป

************* 5 กันยายน 2567

bc21df1a21f836acf31ba6130706a4f1

d5ded5c3e199a61bc4f6e107f20a32ab

f8ba7c034f29ebf19c86d30c97b5c9d1

6b5fde3eaf8e8b2a2c0e14336af08fbf

8623b64e4221074edb488e72b4a0a94b

2b7fe93fd17803f7c29b32bc1edc816c

51362e5cdfbe35691f27c15c2ce03074

 

     กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้กำลังใจกับครอบครัวอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมยกย่องเชิดชูคุณงามความดีและความเสียสละในครั้งนี้

 

     นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า กรม สบส.ได้มอบหมายให้ นายนฤดล อ่วมสุข ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 (ศบส.1) ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ อสม.ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และแสดงความเสียใจกับครอบครัว ญาติของ อสม. ธีรยุทธ สิริวรรณสถิต ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลช่วยเหลือประชาชนจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยเบื้องต้นกรม สบส. ได้แจ้งให้ทายาทส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขอรับการช่วยเหลือจากสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านแห่งประเทศไทย และมูลนิธิ อสม. ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารหลักฐาน เพื่อพิจารณาให้การช่วยเหลือ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียบุคลากรสำคัญต่อวงการสาธารณสุขไทย โดย อสม. ธีรยุทธฯ ถือเป็นบุคลากรต้นแบบที่เป็นจิตอาสาที่เสียสละแรงกายแรงใจในการช่วยเหลือดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน กรม สบส.จะเร่งดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อตอบแทนคุณงามความดีของ อสม. ธีรยุทธฯ ต่อไป
“กรม สบส. ขอส่งกำลังใจ และแสดงความเป็นห่วงต่อพี่น้อง อสม.ทุกท่านที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และขอให้ดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ” นายแพทย์สุระฯ อธิบดีกรม สบส. กล่าว


     ด้านนายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และสนับสนุนการปฎิบัติงานของ อสม.ในพื้นที่ประสบอุทกภัย กรม สบส. ได้มอบหมายให้ ศบส. 1 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเสริมพลังใจแก่ อสม.ที่ประสบอุทกภัย และดินโคลนถล่มในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมมอบชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน อาทิ รองเท้าบูต ถุงขยะ ชุดกันฝน ยาสามัญประจำบ้าน ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า และถุงมือยาง
เป็นต้น เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติหน้าที่ให้กับ อสม.ที่ประสบอุทกภัยและดินโคลนถล่ม จำนวน 200 ชุด โดยได้รับการสนับสนุนจากกองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน

 

3d35f096416daabdc779cefdccdeccfa 45920f5769e6de727f5010ebeab6480d

e53f799b1b123f97d25d8525be766353 03d577be8f7e5f7c41752869dc8a4ab9


*********** 17 กันยายน 2567 ***********

073145e2197362967a94eb474538a094
   206720e1a26be2abf6977d62cf1fb1c3

 

     กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมสนับสนุนระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน หรือทีมเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) เข้าฟื้นฟูสถานพยาบาลในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม

 

1db7799cd051245700158e60dc610993


     นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ของเขตสุขภาพที่ 1 กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูล ณ วันที่ 2 กันยายน 2567) เผยสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ได้แก่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ และลำปาง มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 13 ราย และมีสถานบริการสาธารณสุขที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย จำนวน 28 แห่ง กรม สบส. จึงได้มอบหมายให้ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ 1 (ศบส. 1) ส่งทีมเอ็มเสิร์ท เข้าสำรวจความเสียหายของสถานพยาบาล อาทิ เครื่องมือแพทย์ ระบบสื่อสาร ระบบไฟฟ้า ระบบประปา และอาคารสถานที่ ฯลฯ โดยเบื้องต้นพบ โรงพยาบาลน่าน ได้รับผลกระทบในทุกด้าน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองน่าน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลม่วงตึ๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ตรวจพบเครื่องมือแพทย์ชำรุด จำนวน 15 เครื่อง อาคารสิ่งปลูกสร้าง ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องมือแพทย์ และครุภัณฑ์ทางการแพทย์/สำนักงาน ได้รับความเสียหาย ประมาณมูลค่ากว่า 420,000 บาท ทีมเอ็มเสิร์ทจึงได้ดำเนินการตรวจเช็ค พร้อมให้การช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องมือแพทย์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้โดยเร็ว นอกจากนี้ยังพบว่ามี อสม. ที่ได้รับผลกระทบในเขตสุขภาพที่ 1 มากกว่า 2,000 ราย ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบด้านทรัพย์สิน

     นพ.สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า ส่วนในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 2 ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ตาก และอุตรดิตถ์ เบื้องต้นยังไม่พบสถานบริการสาธารณสุขได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ ได้กำชับให้ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ ภาคเหนือ ติดตามเฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมกำลังคน สิ่งของ ให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทีมเอ็มเสิร์ทจะได้สามารถเข้าช่วยเหลือสถานพยาบาลในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

 

54ece6a39272a13fbc36fa6c9995792f     cbc5663872f6e2b6f3f6319bcf357676


********************** 3 กันยายน 2567 **********************

กรม สบส. ร่วมแสดงศักยภาพสาธารณสุขไทยในเวทีนิทรรศการระดับโลก World Expo 2025

d0dd28de503f71136e2370beb50abc3a

           กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมจัดงาน World Expo 2025 Osaka Kansai แสดงศักยภาพสาธารณสุขไทย ดึงดูดนักลงทุน ส่งเสริมเศรษฐกิจชาติ หนุนนำประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก
          นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงสาธารณสุขได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ณ ประเทศญี่ปุ่น โดย World expo ซึ่งถือเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกจะมีการจัดขึ้นประจำทุก 5 ปี ซึ่งในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขสรรค์สร้างอาคารนิทรรศการ “วิมานไทย (VIMANA THAI)” นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมที่มีรากฐานมาจากภูมิปัญญาไทยภายใต้แนวคิด “SMILE” มาเป็นจุดดึงดูดและสร้างความสนใจจากประเทศสมาชิกและองค์กรระหว่างประเทศ ที่เข้าร่วมงานกว่า 28.2 ล้านคน ซึ่งการร่วมจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Soft Power ของไทยสู่สายตาชาวโลกแล้ว ยังเกิดประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจต่อทั้งองคาพยพของประเทศไทย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำของอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่คนไทย รวมทั้ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ประเทศ อันจะนำไปสู่การลงทุน และการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยังเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพในการบริหารจัดการเกี่ยวกับสุขภาพ และระบบสาธารณสุขไทยให้ทั่วโลกรับรู้ หนุนนำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก ซึ่งจะสร้างรายได้มหาศาล มิใช่แค่ในภาคการสาธารณสุข แต่ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดรายได้ในอุตสาหกรรมภาคอื่นๆ ในอนาคต
          นายแพทย์สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมจัดงานในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีการกำหนดการใช้งบประมาณอย่างประหยัด คุ้มค่า โดยวัสดุจัดแสดงนิทรรศการเมื่อสิ้นสุดงานแล้วสามารถนำกลับประเทศ เพื่อนำมาใช้งานให้เกิดความคุ้มค่า อีกทั้ง มุ่งเน้นความสำคัญในการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์กับทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ทั้งด้านความเชื่อมั่นต่อนโยบายรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงด้านสังคม และวัฒนธรรม ฯลฯ ในโอกาสที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่เวทีนิทรรศการระดับโลก จึงขอเชิญชวนนักลงทุน และผู้มีความสนใจทั้งในและนอกประเทศ มาร่วมรับชมความก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขไทย ที่พร้อมจะก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางสุขภาพของโลก ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansa ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2568 ณ นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

6959a4caabf89b6f7b52f84d1b709843

e8fb6706af17fed9674750e5f5b752e6

1e974a4b86d15121a4a93699b332dacb

441edb92eb8daf455178c91619a78aec

66d6c2c4a07be4fb339d1a0a222ee1f2

d3bbf54ef187d8a09069c9c0bac0c2b5

a04dc681182f144ea704c80ebea65d0b

2e70e65af8f356b1e86547f5cc9f6815

dab4719e789817014d55b035f4b85117

b79ff79c5674ecb569454574da7a300b

อธิบดีกรม สบส. เปิดงานวิชาการ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย”

f8d7cbcab53eb62e2bdd400813101945

          อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) เปิดงานวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายใต้หัวข้อ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย” เปิดเวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ผลงานวิชาการ และนวัตกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่าย หนุนเสริมระบบสุขภาพไทยให้ดีอย่างยั่งยืน

          วันนี้ (29 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรม แกรนด์ พาลาสโซ่ พัทยา จังหวัดชลบุรี นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีเปิดว่า กรม สบส. เป็นหน่วยงานวิชาการที่มีพันธกิจหลักในการพัฒนาระบบการคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพและระบบสุขภาพภาคประชาชนให้มีความก้าวหน้า ยั่งยืน ผู้ใช้บริการมีความปลอดภัย ประชาชนมีแนวทางจัดการสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน จนเกิดพฤติกรรมสุขภาพอันถูกต้องเหมาะสม กรม สบส. จึงกำหนดจัดงานวิชาการฯ ขึ้น ระหว่างวันที่ 28-30 สิงหาคม 2567 เพื่อถ่ายทอดทิศทางนโยบาย องค์ความรู้ ผลงานวิชาการและนวัตกรรม ให้บุคลากรและเครือข่ายทางด้านวิชาการได้นำไปใช้ประโยชน์ เกิดการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เกิดองค์ความรู้ที่ทันสมัย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างเครือข่ายทางวิชาการ โดยในปีนี้กรม สบส.จัดงานภายใต้กรอบแนวคิด “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตประเทศไทย” มุ่งเน้นให้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่ครอบคลุมองค์ความรู้ ทั้งด้านระบบสุขภาพภาคประชาชน การคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ มาตรฐานระบบบริการสุขภาพ และเศรษฐกิจสุขภาพ นำไปสู่การแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างยั่งยืน โดยมีบุคลากรด้านสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกว่า 900  คน

          ด้าน ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า สำหรับ กิจกรรมในงานวิชาการกรม สบส. ในปีนี้ ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการในหัวข้อ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตประเทศไทย” การปาฐกถาและบรรยายพิเศษจากอดีตผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการที่มีชื่อเสียงจากสถาบันการศึกษาชั้นนำ อาทิ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายฝันเด่น จรรยาธนากร แกนนำอาสาสมัครมูลนิธิใจถึงใจ ฯลฯ ซึ่งจะมาถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่าให้กับผู้ร่วมงานได้นำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานและดำเนินชีวิต รวมทั้ง การมอบรางวัลและโล่เกียรติบัตรให้แก่ผู้นำเสนอผลงานวิชาการ สาขาสุขภาพภาคประชาชน สาขาเศรษฐกิจสุขภาพ สาขาการคุ้มครองผู้บริโภคด้านบริการสุขภาพ และสาขามาตรฐานบริการสุขภาพ รางวัลหน่วยงานเครือข่าย รางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลที่สนับสนุนภารกิจกรม สบส. และรางวัลเชิดชูเกียรติหน่วยงานสังกัดกรม สบส. เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิชาการ และการดำเนินงานด้านระบบบริการสุขภาพ และระบบสุขภาพภาคประชาชนต่อไป

bf604c210316a30a2e111755cb24e84a

93659a25dfd7ca2305f3959514c367c3

fb2ae0278bea93803dfbcf5e7657d282

40cc42386ad9699552238e759f0c6f42

กรม สบส. ร่วมโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ สนองพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข

de27c2773e4aa4be8a8ba995486a1054

             วันนี้ (5 กันยายน 2567) ณ บริเวณหน้าเสาธง และโถงอาคาร 3 ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากรกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมโครงการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “กระทรวงสาธารณสุขรวมใจ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” โดยมีพิธีถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกิจกรรม “โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” พร้อมนำเสนอการดำเนินงานโครงการ อสม.ทั่วไทย รวมใจปักหมุดผ่านแอป “พ้นภัย” เพื่อกลุ่มเปราะบางเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรม

712677ab9f097650af92d5976505f2a8

4653da8ea70a8e2d95ea606a8ed7566e

caabc9b60530b4bc1dbcb433e6cd6a3c

99f16396b5d2084a5322aad41fa6b6d2

กรม สบส. จับมือ สกมช. ดึง อสม. เป็นแนวร่วมสกัดภัยคุกคามทางไซเบอร์

        กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จับมือสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ร่วมกันกำหนดนโยบาย มาตรการ แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2567 มีการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ ทั้งหมด 612,603 เรื่อง โดย 3 อันดับแรกคือ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 296,042 เรื่อง รองลงมา หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ 82,162 เรื่อง และหลอกให้กู้เงิน 63,878 เรื่อง ดังนั้น เพื่อยกระดับความร่วมมือในการป้องกันการหลอกลวงทางไซเบอร์ กรม สบส. จึงร่วมกับ สกมช ในการสร้างองค์ความรู้สู่ประชาชน ผ่านเครือข่าย อสม. จำนวน1,075,163 คน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้สามารถรู้เท่าทันกลลวง มีภูมิคุ้มกันด้านไซเบอร์ ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และเมื่อ อสม.มีความรู้ความเข้าใจ ก็จะสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวและชุมชนได้ กรม สบส. จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้จากคุกคามทางไซเบอร์ เกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ อสม. และป้องกันการถูกหลอกลวงทางเทคโนโลยี

          นพ.สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และยกระดับทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ อสม. โดยมีระยะเวลา 2 ปี ทั้งในรูปแบบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ e-learning รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนการดำเนินการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ร่วมกัน

          ทั้งนี้ กรม สบส.และสกมช. ได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ร่วมเป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงาน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

หน้าที่ 1 จาก 49

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ