กรม สบส. สนธิกำลังตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุกจับคลินิกเสริมความงาม 5 แห่ง หลังพบสวมรอยใช้ซิลิโคนเถื่อนมาบริการประชาชน
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บุกจับคลินิกเสริมความงาม 5 แห่ง หลังพบมีการสวมรอยใช้ซิลิโคนเถื่อนให้บริการประชาชน พร้อมตรวจยึดซิลิโคนเสริมความงามเถื่อน และยาเถื่อน นับหมื่นรายการ มูลค่ารวมกว่า 2.9 ล้านบาท
วันนี้ (16 มกราคม 2566) นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า สืบเนื่องจากการจับกุมโรงงานเถื่อนลักลอบผลิตชิ้นส่วนซิลิโคนศัลยกรรมเสริมจมูก และหน้าผาก ในจังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2565 โดยจากการสืบสวนพบว่าโรงงานดังกล่าวมีการจำหน่ายซิลิโคนให้กับคลินิกเสริมความงามนับสิบแห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งการนำซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้มาให้บริการ
เสริมความงาม อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้รับบริการได้ ดังนั้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในด้านระบบบริการสุขภาพ
กรม สบส. จึงสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)
ในพื้นที่ เข้าตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชน ซึ่งมีเบาะแสว่านำซิลิโคนจากโรงงานเถื่อนมาให้บริการเสริมความงาม จำนวน 5 แห่ง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน โดยตรวจค้นพบซิลิโคนเสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าผาก และยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา รวมกันนับหมื่นรายการ ซึ่งจากการขยายผลตรวจสอบโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า คลินิกทั้ง 5 แห่ง มีการจัดจ้างผลิตซิลิโคนเถื่อนจากโรงงานซิลิโคน ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเมื่อมีการแถลงผลการจับกุมโรงงานดังกล่าว ในเดือนธันวาคม ส่งผลให้ผู้รับบริการบางรายตั้งข้อสงสัยว่าคลินิกมีการนำซิลิโคนเถื่อนมาให้บริการหรือไม่ ทางคลินิกจึงนำซิลิโคนเสริมความงามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาแสดง แต่เมื่อประชาชนรับบริการศัลยกรรมฯ ทางคลินิกกลับนำซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานมาให้บริการ พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงดำเนินการตรวจยึด ชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก ซิลิโคนหน้าผาก ซิลิโคนคาง ผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 พระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ได้นับหมื่นชิ้น รวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท โดยพนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายของกรม สบส.ได้แจ้งข้อหาการกระทำผิดกับคลินิก ดังนี้
- กรวินคลินิก สาขางามวงศ์วาน ขณะทำการตรวจสอบพบซิลิโคนเถื่อน และผลิตภัณฑ์ที่ผิดพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 จำนวน 185 รายการ และได้ยึดเวชระเบียน จำนวน 125 ราย ซึ่งขณะตรวจสอบสถานพยาบาล เปิดทำการไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต กรม สบส. โดยกองกฎหมายมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีออกคำสั่งปิดสถานพยาบาลชั่วคราว ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
- กรวินคลินิก สาขาระยอง พบชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูก จำนวน 489 ชิ้น ซิลิโคนคาง จำนวน 87 ชิ้น และผลิตภัณฑ์ที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 จำนวน 9 รายการ พร้อมตรวจยึดเวชระเบียน จำนวน 16 ราย ซึ่งขณะทำการตรวจสอบสถานพยาบาลพบความผิด ดังนี้
2.1 ไม่พบผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ในสถานพยาบาลมีความผิดตามมาตรา 34 (4) แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
2.2 ไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจำนวนที่กฎหมายกำหนด และจัดให้มีเครื่องมือ เครื่องใช้ยา และเวชภัณฑ์ที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล มีความผิดตามมาตรา 35 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
2.3 สถานพยาบาลโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุมัติมีความผิดตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กรม สบส. โดยกองกฎหมายมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยองดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
- กรวินคลินิก สาขาขอนแก่น พบชิ้นส่วนซิลิโคนรูปจมูกจำนวน 3,144 ชิ้น ซิลิโคนหน้าผาก จำนวน 27 ชิ้น ซิลิโคนคาง จำนวน 777 ชิ้น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจำนวน 5 รายการ พร้อมยึดเวชระเบียน จำนวน 7 ราย ซึ่งขณะทำการตรวจสอบสถานพยาบาลพบความผิด ดังนี้
3.1 ไม่พบผู้ดำเนินการสถานพยาบาลอยู่ในสถานพยาบาลมีความผิดตามมาตรา 34 (4) แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
3.2 ไม่จัดให้มีผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลตามวิชาชีพและจำนวนที่กฎหมายกำหนดมีความผิดตามมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541
3.3 เปลี่ยนแปลงห้องผ่าตัดจากเดิม 1 ห้อง เป็น 2 ห้อง แตกต่างจากที่ระบุไว้ตามที่อนุญาต มีความผิดตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กรม สบส. โดยกองกฎหมายมอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนการโฆษณา กรม สบส. โดยกองกฎหมายได้ดำเนินการตรวจสอบกรกวินคลินิก ทั้ง 32 สาขา พบว่าสถานพยาบาลมีการโฆษณาโดยไม่ขออนุมัติ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จะประสานสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการพิจารณาเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป
นพ.สุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซิลิโคนเสริมความงาม เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งใช้กับร่างกายของมนุษย์ การที่จะนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ประเภทใดๆ ก็ตามมาให้บริการ อุปกรณ์ทางการแพทย์จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพ มาตรฐาน และได้รับการขึ้นทะเบียนจากจาก อย. เพื่อยืนยันความปลอดภัยเสียก่อน หากนำซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐานมาให้บริการ ย่อมมีความสุ่มเสี่ยง ที่จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ร่างกายของผู้รับบริการ ทั้งการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเสียโฉม กรม สบส. จึงขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล กำกับดูแล มาตรฐานของสถานพยาบาลให้ถูกต้อง ตามที่กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด หากพบว่าสถานพยาบาลแห่งใดมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาทิ การให้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาให้บริการ หรือนำยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. มาให้บริการ กรม สบส.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ หรือมีเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายของโรงพยาบาลเอกชน/คลินิก ในเขตกรุงเทพฯ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กรม สบส. 1426 แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาค ก็สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ตามวันและเวลาราชการ