กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

กรม สบส.จัดทีมสอบ รพ.เอกชน ย่านพัฒนาการ ปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉิน

กรม สบส.จัดทีมสอบ รพ.เอกชน ย่านพัฒนาการ ปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉิน

718de89c3d630b6c2ece576b68bb8028

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ ลงตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชน ย่านพัฒนาการ หลังได้รับเบาะแสปฏิเสธรักษาชาวต่างชาติ ซึ่งได้รับบาดเจ็บทางถนนจนหมดสติ หากพบปฏิเสธจริง ลงดาบทันที

นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อว่าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในย่านพัฒนาการ ปฏิเสธที่จะให้บริการรักษาพยาบาลชาวต่างชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุทางถนนจนหมดสติ โดยเมื่อกรม สบส.ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวก็มิได้นิ่งนอนใจรีบสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมายลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ โรงพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จะมุ่งตรวจสอบในประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น ได้แก่ 1) ณ เวลาที่ผู้ป่วยถูกส่งตัวมาถึงโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้มีการประเมิน และช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อให้พ้นจากอันตรายตามมาตรฐานวิชาชีพ หรือถ้ามีความจำเป็นต้องส่งต่อเพื่อไปรับการรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลอื่น ได้จัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่นอย่างเหมาะสมหรือไม่ 2) โรงพยาบาลมีการประเมินเกณฑ์ผู้บาดเจ็บว่าเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) หรือไม่  หากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจสอบพบว่าทางโรงพยาบาลมิได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น แต่อย่างใด

นายแพทย์สุระฯ อธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้ตั้งเกณฑ์ให้ผู้ป่วยที่หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ซึ่งจะต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การที่สถานพยาบาลเอกชนปฏิเสธที่จะให้บริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตินั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ อีกทั้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541  ซึ่งกำหนดไว้ว่าหากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเน้นย้ำให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง  ยึดประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นอันดับหนึ่ง ห้ามนำค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไขในการรักษา เพื่อร่วมคุ้มครองสุขภาพ ร่างกายของประชาชน สร้างความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์ที่ดีต่อสถานพยาบาลเอกชนไทยต่อไป

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ