สบส. ชวน อสม. ทั่วไทย ร่วมป้องกันฝุ่น PM 2.5
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ชวนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร่วมป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ส่งต่อ 6 บทบาท สู่ อสม. ในการเป็นแกนนำสุขภาพ ติดตาม ดูแลประชาชน และปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีในการป้องกัน และลดสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM 2.5
ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดี กรม สบส. กล่าวว่า ในช่วงปลายฤดูหนาวของประเทศไทย หลายพื้นที่มักจะประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งสาเหตุของการเกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีทั้งจากธรรมชาติ หรือกิจกรรมของมนุษย์ อาทิ ไฟป่า มลพิษจากการคมนาคม การก่อสร้าง หรือภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ ดังนั้น เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง และลดกิจกรรมที่เป็นสาเหตุของฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน จะต้องอาศัยการสร้างจิตสำนึกให้ภาคประชาชน ตระหนักว่าเรื่องสุขภาพนั้นเป็น “สิทธิและหน้าที่” ของทุกคน ดังนั้น กรม สบส. ซึ่งมีภาคีเครือข่ายภาคประชาชนอย่าง อสม. ที่มีอยู่กว่า 1.09 ล้านคน เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพ จึงได้ประชาสัมพันธ์ข่าวสารและแนวทางปฏิบัติไปถึง อสม. ทั่วประเทศ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชันสมาร์ท อสม. และประธานชมรม อสม. เพื่อเป็นแกนนำในการป้องกันปัญหาฝุ่น PM 2.5 ใน 6 บทบาท ดังนี้ 1.ติดตามและตรวจสอบสถานการณ์ความรุนแรง PM 2.5 ผ่านช่องทางข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้ 2.เผยแพร่ข่าวสาร แนวทางปฏิบัติตนในการป้องกันภัย PM 2.5 แก่ประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ 3.เป็นพี่เลี้ยงแนะนำการป้องกันตนเองแก่ประชาชน อาทิ การหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงภัย PM 2.5 หรือการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 4.รายงานสถานการณ์ PM 2.5 ในพื้นที่ผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ท อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อประเมินแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ 5.ดูแลปักหมุดช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบาง อาทิ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หอบหืด ที่อยู่ในพื้นที่ โดยประสานงกับเจ้าหน้าที่และภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือร่วมกัน และ6.ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในการดูแลป้องกัน และลดสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะ การรณรงค์ให้ประชาชนงดเผาขยะ หรือผลผลิตทางการเกษตรในที่โล่ง ซึ่งนอกจากเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 แล้วยังมีโอกาสที่จะลุกลาม จนเป็นไฟป่า หรือเกิดไฟไหม้อาคาร หรือสิ่งของจนควบคุมไม่ได้อีกด้วย
ด้านนายแพทย์อดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝุ่น PM 2.5 เป็นต้นเหตุ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อย่างในระยะสั้นอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองคอ ไอ คัดจมูก หรือในระยะยาวอาการอาจจะรุนแรงขึ้น และเป็นสาเหตุของโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคทางเดินหายใจ ด้วยฝุ่น PM 2.5 เป็นพาหะที่นำสารเคมีอันตราย และโลหะหนักที่อยู่ในฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย ซึ่ง 5 โรคที่พบได้บ่อยในช่วงที่มีสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ได้แก่ 1.โรคระบบทางเดินหายใจ 2.โรคถุงลมโป่งพอง 3.โรคหัวใจและหลอดเลือด 4.โรคเยื่อบุตาอักเสบ และ5.โรคผิวหนัง ซึ่งจะมีการมอบหมายไปยังศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพ ทั้ง 12 เขต ของกรม สบส.ให้สนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม.ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเต็มความสามารถ อาทิ การติดตามเยี่ยมบ้าน ดูแลอาการของผู้ป่วยติดบ้าน ติดเตียง ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข พร้อมประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ในการดูแล รักษาสุขภาพ และช่องทางการติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากภาครัฐ เพื่อมิให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชนในพื้นที่