กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

สบส. เตรียมชง ครม. พิจารณาคดีอุ้มบุญ เป็นคดีพิเศษ ยกระดับการดำเนินการกับผู้กระทำผิด

1cc997c54f24c9f612956d9e95459ffe

7d48fbd7be63a71b1a276c8d0984c0d0

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เตรียมชงคณะรัฐมนตรีพิจารณา บรรจุพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ ให้การรับจ้างอุ้มบุญเป็นคดีพิเศษ ยกระดับการติดตาม ดำเนินการผู้กระทำผิดข้ามชาติ

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ในประเทศไทยที่มีกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ควบคุมกำกับ หากผู้ใดกระทำการตั้งครรภ์แทน หรือที่เราเรียกกันว่าการ “อุ้มบุญ” โดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะเข้าข่ายคดีความผิดทางอาญา ซึ่งการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมักมีผู้เกี่ยวข้องในหลายระดับ ทั้งนายหน้า บุคลากรทางการแพทย์ หญิงที่รับจ้างอุ้มบุญ ฯลฯ และมักจะมีลักษณะเป็นการกระทำความผิดข้ามชาติ กรม สบส. จึงหารือร่วมกับ DSI ในการผลักดันให้การกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เป็นคดีความผิดทางอาญาซึ่งมีลักษณะเป็นคดีพิเศษ โดยบรรจุพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เนื่องด้วย คดีอาญาอื่นที่ไม่ได้ระบุในท้ายพระราชบัญญัติฯ ต้องส่งเรื่องเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณา เพื่อเป็นคดีพิเศษ ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีภารกิจที่เร่งด่วนทำให้มีการจัดประชุมไม่บ่อยครั้งจึงอาจเกิดความล่าช้า ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการทางคดีเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และสัมฤทธิ์ผล กรม สบส.จะดำเนินการผลักดันเรื่องอุ้มบุญเข้าสู่คณะรัฐมนตรี โดยเสนอให้ DSI เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบคดี และส่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (ที่แก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งอาจจะพิจารณาให้มีการเพิ่มโทษแก่บุคลากรทางการแพทย์ ปรับลดโทษให้แม่อุ้มบุญซึ่งเป็นพยาน เพิ่มโทษให้นายหน้า ผู้ว่าจ้างแทน และให้การกระทำผิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์มีมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ฯลฯ แก่ DSI พิจารณาว่าต้องการเพิ่มเติมประเด็นใดหรือไม่ ต่อไป

ด้านนายสาโรจน์ ยอดประดิษฐ์ ผู้อำนวยการกองกฎหมาย กล่าวว่า ในระยะเวลาที่ผ่านมากรม สบส. ผลักดันเรื่องการจัดการเรื่องร้องเรียนให้แก้ไขปัญหาการลักลอบอุ้มบุญอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการสอบสวนมีความซับซ้อนเพราะมีชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง ในลักษณะการกระทำผิดข้ามชาติ ซึ่งกรม สบส. เล็งเห็นว่าด้วยศักยภาพของ  DSI เป็นประโยชน์ต่อการทำคดีให้บรรลุผล แต่เนื่องจากปัจจุบันเรื่องร้องเรียนที่ส่งไปยัง DSI ไม่ได้ถูกรับเป็นคดีพิเศษทั้งหมด การกำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 จะทำให้เรื่องร้องเรียนคดีอุ้มบุญเป็นคดีพิเศษ จะเป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคตได้อย่างครอบคลุม

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ