
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จับมือภาคเอกชน พัฒนา เว็บแอปพลิเคชัน (Web Application) ให้เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย และรวดเร็ว สำหรับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพทั่วประเทศ
ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานประกอบการ
เพื่อสุขภาพที่ได้รับอนุญาตจากกรม สบส. จำนวน 17,093 แห่ง แบ่งเป็นกิจการสปา 1,153 แห่ง กิจการนวดเพื่อสุขภาพ 14,673 แห่ง กิจการนวดเพื่อเสริมความงาม 233 แห่ง และกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 1,034 แห่ง รวมถึงมีสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองหลักสูตร จำนวน 621 แห่ง ซึ่งกิจการข้างต้นต่างมีแนวโน้มที่จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามเทรนด์สุขภาพโลกที่เน้นเรื่องเศรษฐกิจสุขภาพ (Wellness Economy) การลงนาม
ความร่วมมือ “จัดทำแพลตฟอร์มเพื่อการสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ให้กับผู้สนับสนุนและผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผ่านรูปแบบ Web Application” ระหว่างกรม สบส. กับบริษัท โมด โซลูชั่น จำกัด และบริษัท สาพี ไบโอเทค จำกัด
ในครั้งนี้ จะเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบสื่อสารให้ครอบคลุม และเป็นช่องทางกลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร มาตรฐาน และแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล
ที่จำเป็น ทั้งสำหรับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้สนใจในอาชีพด้านสุขภาพ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยกรม สบส. ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายการใช้ Web Application ให้ครอบคลุมการสื่อสารกับเครือข่ายผู้ให้บริการสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน สอดรับกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของประเทศในอนาคต
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการจัดการข้อมูลสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ และถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยนำเทคโนโลยีและมัลติมีเดียเข้ามาใช้ในการพัฒนา Web Application ที่ตอบโจทย์
การใช้งานจริง ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ รวมถึง ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพในด้านการให้บริการสุขภาพก็สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพได้ อีกทั้ง
เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศให้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขและยุทธศาสตร์ชาติด้านสุขภาพต่อไป ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาร่วมกัน
***************** 13 สิงหาคม 2568