กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

กรม สบส.เตือนบริการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด 19 หลังรับวัคซีน โดยใช้ชุดตรวจหรือน้ำยาฯ ไร้การรับรองเข้าข่ายโฆษณาเกินจริง

กรม สบส.เตือนบริการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด 19 หลังรับวัคซีน โดยใช้ชุดตรวจหรือน้ำยาฯ ไร้การรับรองเข้าข่ายโฆษณาเกินจริง

198291560n

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาชักชวนให้ตรวจหาแอนติบอดีเพื่อวิเคราะห์ภูมิคุ้มกันภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด 19 โดยใช้ผลิตภัณฑ์ชุดตรวจหรือน้ำยาตรวจหาปริมาณภูมิคุ้มกัน(Quantitative antibody) ยังไม่มีการรับรองผลลัพธ์จากหน่วยงานใด เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง หลอกลวงประชาชน

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้ รัฐบาลได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งจะทำให้สังคมและเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าหรือนำไปสู่การเปิดประเทศ โดยมีผู้เข้ารับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 แล้วมากกว่า 3.3 ล้านราย และเข็มที่ 2 มากกว่า 1.4 ล้านราย ซึ่งประชาชนบางส่วนที่ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2 แล้วก็อาจจะมีข้อสงสัยถึงสภาพร่างกายของตนว่ามีปริมาณภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด 19 มากน้อยเพียงใด แต่การตรวจหาภูมิคุ้มกันนั้นจะต้องตรวจหาด้วยวิธีการที่เป็นมาตรฐาน อาทิ Plaque Reduction Neutralization Test (PRNT)

ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นการตรวจโดยวิธีอื่นจึงได้ผลที่ไม่แน่นอนและไม่อาจรับรองได้ว่ามีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วย ณ ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ชุดตรวจและน้ำยาตรวจตรวจหาปริมาณภูมิคุ้มกัน (Quantitative antibody) ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่สามารถนำมาให้บริการตรวจภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีนโควิด 19 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สถานพยาบาลทุกแห่ง หากมีการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับกรณีนี้ จะเข้าข่ายการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง ฝ่าฝืนกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวต่อว่า ทางภาครัฐมีการศึกษาวิจัยผลลัพธ์หลังการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว การตรวจภูมิคุ้มกันจึงยังไม่มีความจำเป็นสำหรับบุคคลทั่วไป เพราะข้อมูลตัวเลขที่ได้รายบุคคลนั้นก็ไม่สามารถนำมาแปลผลได้ ทั้งยังเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น และอาจจะสร้างความเข้าใจผิดต่อผลลัพธ์ของวัคซีนอีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่โอกาสที่จะติดเชื้อโควิด 19 ยังคงมีอยู่จึงขอให้ประชาชนใส่ใจต่อพฤติกรรมสุขภาพ มีการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากที่พัก และล้างมือให้บ่อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโควิด 19 ให้ตนเองอย่างยั่งยืนโดยมิต้องเสียทรัพย์สินแต่อย่างใด

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า สำหรับบทกำหนดโทษของการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา ซึ่งต้องขอเน้นย้ำกับประชาชนว่าการรับบริการทางการแพทย์ประเภทใดก็ตามจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน อย่าด่วนตัดสินใจด้วยคำโฆษณา เพราะหากได้รับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานแล้วนอกจากจะเสียทรัพย์สินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ด้วย

ทั้งนี้ หากพบเห็นหรือมีข้อสงสัยว่าการโฆษณาของโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกใดเข้าข่ายการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย ต่อไป

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ