กรม สบส. เชิญชวนลด เลี่ยงฝุ่น PM2.5 ปฏิบัติตามสุขบัญญัติการมีจิตสำนึกต่อส่วนรวมร่วมสร้างสรรค์สังคม
กรม สบส. เชิญชวนประชาชนร่วมกันลด เลี่ยง ฝุ่น PM2.5 สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N 95 ก่อนออก จากบ้าน ลดกิจกรรมออกนอกบ้าน ไม่เผาป่า เผาขยะกลางแจ้งและกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝุ่น ปฏิบัติตามสุขบัญญัติการมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ร่วมสร้างสรรค์สังคม
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน กรมควบคุมมลพิษคาดการณ์ปริมาณ PM 2.5 ในช่วงระหว่างวันที่ 25-28 มกราคม 2565 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดและกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดและลมอ่อน ซึ่งฝุ่นละออง PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งระบบทางเดินหายใจ โรคปอดติดเชื้อ โรคปอด อุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และสุขภาพอนามัยแม่และเด็ก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ กลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ สาเหตุปัจจัยเกิดจากสภาวะอากาศและพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้น้ำมันดีเซลที่มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ การเผาป่า การเผาขยะกลางแจ้ง การก่อสร้างที่ไม่ได้มีการควบคุมมลพิษ ล้วนก่อให้เกิดผลเสียทางตรงและทางอ้อมต่อสุขภาพทั้งสิ้น ดังนั้นความร่วมมือและการสร้างความมีจิตสำนึกในการสร้างสรรค์สังคม จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการป้องกัน เฝ้าระวังไม่ให้ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 สามารถลดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 ด้วยการใช้หลักสุขบัญญัติข้อที่ 10 การมีจิตสำนึกต่อส่วนรวมร่วมสร้างสรรค์สังคม เช่น 1) การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N95 ก่อนออกจากบ้าน 2) ไม่เผาป่าและเผาขยะกลางแจ้ง 3) ใช้รถยนต์เท่าที่จำเป็น ลดการใช้น้ำมันดีเซลที่มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ บำรุงรักษารถยนต์ และหมั่นดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้มีสภาพพร้อมใช้งานและไม่ก่อให้เกิดควันดำ 4) ลดการใช้ธูป ดูแลความสะอาดภายในบ้าน ที่เป็นแหล่งสะสมฝุ่น เช่น มุ้งลวด เครื่องปรับอากาศ ผ้าปูที่นอน พรม ผ้าม่าน เป็นต้น 5) ผู้ที่เกี่ยวข้องควบคุมงานก่อสร้าง ก่อสร้างถนน ระบบสาธารณูปโภค การขนบรรทุกและขนส่งให้ฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศจาก Air4thai ก่อนออกจากบ้าน และสามารถศึกษาค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ ได้ทางคลังความรู้สุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข www.healthydee.moph.go.th
**************** 25 มกราคม 2565