กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ตรวจสุขภาพ อสม. ตามช่วงอายุ ส่งเสริมให้ อสม.กว่า 1 ล้านคนทั่วไทยเป็นต้นแบบคนสุขภาพดี รวมทั้งสร้างความตระหนักในการดูแลสุขภาพตนเอง ป้องกันเจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 9 อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์การตรวจสุขภาพ อสม. ตามช่วงอายุ พร้อมชมนิทรรศการสาธิตบทบาทการตรวจสุขภาพ อสม. ตามช่วงอายุในทีม 3 หมอ โดยมีการถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์ และมี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า อสม.ถือเป็นกลไกภาคประชาชนที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานของการสาธารณสุขไทย และเป็น 1 ใน 3 หมอ ของนโยบายส่งเสริมให้คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน โดยทำงานร่วมกับหมอคนที่ 2 และ 3 ในการดูแลสุขภาพของประชาชนในชุมชน ซึ่ง อสม.ในฐานะหมอคนที่ 1 ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชนควรต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ ที่แข็งแรงให้กับประชาชนในพื้นที่ และคนในครอบครัว รวมทั้งเป็นแบบอย่างในการสร้างระบบเฝ้าระวังสุขภาพให้กับชุมชน จึงได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดทำโครงการตรวจสุขภาพ อสม. ตามช่วงอายุ โดยอสม.ทุกคนจะได้รับการซักประวัติ (Verbal Screening) การประเมินและคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นด้วยตนเอง หรือเจ้าหน้าที่ ส่วน อสม. ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จะได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม อาทิ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจอุจจาระ ตรวจมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
“เรามุ่งหวังให้ อสม. 1.05 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่ในชุมชน มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีด้านสุขภาพให้กับครอบครัวและชุมชน ให้คนในพื้นที่มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศชาติมีความแข็งแรงเช่นกัน” นายอนุทินกล่าว
นพ.ธเรศ กล่าวว่า การตรวจสุขภาพสำหรับ อสม. ตามช่วงอายุ มุ่งเน้นการให้ข้อมูลประวัติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและผลการสำรวจคัดกรองสุขภาพด้วยตนเองเบื้องต้น ส่วนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อค้นหาอาการเจ็บป่วยและปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค นำไปสู่การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และการบำบัดรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยเน้นให้ อสม. ได้ใช้โปรแกรมตรวจสุขภาพ พร้อมกับรายงานผลผ่านแอปพลิเคชั่น Smart อสม. เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลสุขภาพในระบบต่อไปโดยจะดำเนินการให้ครบทุกพื้นที่ภายในปี 2565
ด้านนายจำรัส คำรอด ประธานชมรม อสม.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในนามประธาน อสม.แห่งประเทศไทย ต้องขอขอบคุณรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ที่ให้ความสำคัญกับ อสม.มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านสุขภาพของ อสม. ถือเป็นการสร้างพลังใจสำหรับ อสม.ทั่วประเทศ ให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ อสม.ทั่วประเทศขอให้คำมั่นว่า จะทำหน้าที่ดูแลสุขภาพของประชาชนให้ผ่านวิกฤตของโรคโควิด 19 ไปให้ได้ พร้อมทั้งจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชนให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป