
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าผลักดัน “ร่างพระราชบัญญัติระบบงานวิศวกรรมการแพทย์” ยกระดับความปลอดภัยและมาตรฐานระบบสาธารณสุขของประเทศ ตั้งเป้าจัดตั้งระบบกำกับดูแลงานวิศวกรรมการแพทย์อย่างเป็นเอกภาพ ครอบคลุมการบริหารจัดการเครื่องมือแพทย์ อาคารสถานพยาบาล ระบบไฟฟ้า ระบบก๊าซทางการแพทย์ และเทคโนโลยีสนับสนุนทางการแพทย์ต่าง ๆ ให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้อุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งโรงพยาบาล ศูนย์ตรวจสุขภาพ คลินิกเวชกรรมเฉพาะทาง และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ซึ่งล้วนต้องอาศัยการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษา หากขาดระบบกำกับมาตรฐานหรือบุคลากรที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนและผู้รับบริการโดยตรง แสดงให้เห็นว่าการที่ประเทศไทยยังขาดกฎหมายเฉพาะทาง ทำให้การกำกับดูแลงานด้านวิศวกรรมการแพทย์ยังขาดเอกภาพ และมาตรฐานวิชาชีพที่ชัดเจน จึงอาจเป็นเหตุให้ผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญเข้ามาเกี่ยวข้องกับระบบ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และชีวิตของผู้รับบริการ กรม สบส. เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำ (ร่าง) พระราชบัญญัติระบบงานวิศวกรรมการแพทย์ขึ้น โดยมุ่งเน้นสาระสำคัญใน 4 ประการ เพื่อวางรากฐานความปลอดภัยให้ระบบสุขภาพของประเทศไทย ได้แก่
- จัดตั้งสถาบัน “ผู้ดำเนินดูแลกลาง”ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย มาตรฐาน และแนวทางการดำเนินงานด้านวิศวกรรมการแพทย์ รวมถึงออกใบอนุญาตและรับรองมาตรฐานบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามหลักวิชาชีพอย่างถูกต้องและปลอดภัย
- สร้างระบบ “วิชาชีพที่มีมาตรฐาน”กำหนดคุณสมบัติ จรรยาบรรณ และขอบเขตการปฏิบัติงานของวิศวกรการแพทย์ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ความสามารถเพียงพอ ลดความเสี่ยงจากการทำงานที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- บังคับใช้ “มาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นรูปธรรม”จัดทำมาตรฐานกลางสำหรับระบบไฟฟ้า ระบบก๊าซทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ อาคารสถานพยาบาล และระบบสนับสนุนอื่น ๆ เพื่อให้โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมด้านความปลอดภัยอย่างเท่าเทียม
และ 4. คุ้มครอง “วิศวกรรมการแพทย์เพื่อทุกชีวิตปลอดภัย”เพื่อให้ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนผู้รับบริการได้รับความปลอดภัยสูงสุดจากระบบงานวิศวกรรมทางการแพทย์ พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (Health IT) อย่างมีมาตรฐาน
นายแพทย์กรกฤชฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้ จะช่วยยกระดับความปลอดภัยและมาตรฐานระบบสาธารณสุขของประเทศ ให้มีความครอบคลุมการบริหารจัดการในทุกมิติ ทั้งเครื่องมือแพทย์ อาคารสถานพยาบาล ระบบไฟฟ้า ระบบก๊าซทางการแพทย์ และเทคโนโลยีสนับสนุนทางการแพทย์ต่าง ๆ ซึ่งจะสร้างเชื่อมั่น และไว้วางใจจากทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้รับบริการทั้งในและนอกประเทศ สมกับเป้าหมายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ