กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

ชวนคนไทย โหลดแอป "หมอชนะ"

n27

⚠️วิกฤตโควิดยามนี้ QR code ไทยชนะ อาจรับมือไม่ไหว
✅ขอแนะนำร่วมมือกันโหลด/ใช้ Application หมอชนะ ทุกคนนะครับ
(peace sign)ยิ่งใช้กันมาก ระบบยิ่งสมบูรณ์ การแจ้งเตือน/ควบคุมโรค ยิ่งได้ผลมากครับ

สธ. สร้าง ยุว อสม. แกนนำสุขภาพเด็กและเยาวชน

n15

n16

        กระทรวงสาธารณสุข สร้าง ยุว อสม. แกนนำสุขภาพเด็กและเยาวชนจิตอาสา ช่วยงานสาธารณสุข สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อนนักเรียน เฝ้าระวังโควิด 19 ตั้งเป้าหมาย 224,170 คน ในปี 2564 ทั่วประเทศ บ่ายวันนี้ (21 ธันวาคม 2563) ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนากลไกและสร้างความร่วมมือเครือข่ายยุวอาสาสมัครสาธารณสุข (ยุว อสม.) โดยมีภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน และแกนนำเครือข่ายเยาวชน เข้าร่วมประชุม ดร.สาธิต กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. กำลังสำคัญในการดูแลประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด 19 การสร้างแกนนำในกลุ่มเด็กและเยาวชน ให้เป็น ยุว อาสาสมัครสาธารณสุข หรือ ยุว อสม. (Gen Health ) เพื่อช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสุขภาพของประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวัย เพราะยุวอสม.คือ เด็กและเยาวชนที่มีจิตอาสา และมีความสนใจเป็นอาสาสมัครในการดูแลสุขภาพเพื่อน รวมทั้งคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ รวมทั้งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับสังคมยุคดิจิทัล ที่มีความเชี่ยวชาญ รู้เท่าทันและใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง จึงเป็นประโยชน์อย่างมากในยุคปัจจุบันที่ประชาชนตื่นตัว ใส่ใจหาความรู้เรื่องสุขภาพด้วยตนเอง ซึ่งในสถานการณ์โควิด 19 วันนี้ จะช่วยกระทรวงสาธารณสุขได้มาก ในการช่วยแนะนำ ให้ความรู้ เป็นแบบอย่างที่ดี ในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโควิด 19 การเฝ้าระวังในโรงเรียน และชุมชน ตั้งเป้าหมายภายในปี 2564 ให้เกิด ยุว อสม. 224,170 คน ทั่วประเทศ ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้สัมภาษณ์ว่า ยุว อสม. คือ นักเรียนที่มีจิตอาสา เป็นอาสาสมัครในการดูแลสุขภาพเพื่อนนักเรียนด้วยกัน รวมทั้งชุมชนที่อาศัยอยู่ มาจาก 2 เส้นทางคือ 1. ได้รับการคัดเลือกจากโรงเรียน ตามเกณฑ์ที่กำหนด 2.สนใจและสมัครผ่านระบบออนไลน์ โดยหัวใจในการขับเคลื่อนให้เกิดเครือข่ายยุว อสม. คือ หน่วยงานภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สื่อมวลชน ที่จะช่วยกันปลุกกระแสของการสร้าง ยุวอสม. หรือ Gen Health ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง โดยการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ให้เป็นประโยชน์ โดยยุว อสม. 1 คน เชิญเพื่อนอีก 10 คน และอีก 10 คน จะเชิญเพื่อนในสถานศึกษาร่วมเป็นเครือข่าย ซึ่งวิธีดังกล่าวทำให้เกิดเครือข่ายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการบอกต่อ การส่งต่อความรู้ด้านสุขภาพ ผนวกกับหลักสูตรหรือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้ ยุว อสม.มีศักยภาพและเข้มแข็ง เป็นจิตอาสาที่ดูแลสุขภาพในระดับชุมชน สังคมได้ และสามารถผลักดันประเด็นสำคัญเชิงนโยบายซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคนในชาติ และเป็นประโยชน์กับประชาชนได้ทุกกลุ่มวัย

คุยลั่นสนั่นซอย 8 เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วน๊าาาาา สาระคงเดิม เพิ่มเติมคือบันเทิงคูณ 8

n11

ติดตามพวกเราได้ทาง Youtube ช่อง Theprhss

Facebook จุลสารออนไลน์ "สบส.ซอย 8"

พบกับคุยลั่น เม้ากันให้สนั่นซอย 8

พี่ฮอล น้องซีต้าร์ น้องหมี พี่ฝน

ในทุกวันศุกร์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน

สธ.มอบของขวัญปีใหม่ 2564 คนไทยทุกคนมีหมอประจำตัว 3 คน “ดูแลใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ”

n18

3หมอ2020_0-12-24_๒๐๑๒๒๕95A20C4E-1A45-4738-63C6-EB2A82FA8240

        กระทรวงสาธารณสุขมอบของขวัญปีใหม่ 2564 “คนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัว 3 คน” คือ อสม.หมอประจำตัว หมอสาธารณสุข และหมอครอบครัว “ดูแลใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” ลดความแออัดโรงพยาบาล พร้อมจัดคาราวาน 3 หมอเคาะประตูบ้าน มอบบัตรแนะนำตัวให้รู้จักชื่อ เบอร์โทร และช่องทางติดต่อเป็นครั้งแรก มีความพร้อมแล้วกว่า 5.3 ล้านครอบครัว
        วันนี้ (24 ธันวาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าวส่งความสุขมอบของขวัญปีใหม่ 2564 “คนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัว 3 คน” พร้อมส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2564 “3 หมอ 3 มอบ” สู่ประชาชน โดยการถ่ายทอดสดไปยังทุกจังหวัดและจากพื้นที่มายังบริเวณงานผ่านระบบออนไลน์
        นายอนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เข้มแข็งและเป็นรากฐานของระบบสาธารณสุขไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โรคโควิด 19 ได้พัฒนาระบบการดูแลสุขภาพแบบชีวิตวิถีใหม่ และต่อยอดการดำเนินงานด้วยนโยบาย “คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน” ประสานการทำงานดูแลประชาชนที่บ้านและชุมชนแบบ “ใกล้ตัว ใกล้บ้าน ใกล้ใจ” เพิ่มความครอบคลุมให้ได้รับบริการต่อเนื่อง ลดการเดินทาง ลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เน้นการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และส่งต่อรักษาในโรคซับซ้อนยุ่งยาก โดยหมอคนที่ 1 หมอประจำบ้าน คือ อสม.เป็นหมอใกล้ตัว แนะนำดูแลผู้ป่วยถึงบ้านและสุขภาพของคนในชุมชน 1 คนดูแลประชาชน 10-20 หลังคาเรือน หมอคนที่ 2 หมอสาธารณสุข คือ บุคลากรในสถานบริการปฐมภูมิ ให้การรักษาและส่งต่อ รวมถึงดูแลสุขภาพให้คำแนะนำประชาชนในทุกมิติ 1 คนดูแลประชาชน 1,250 – 2,500 คน และหมอคนที่ 3 หมอครอบครัว คือ แพทย์ในโรงพยาบาล รับการส่งต่อ 1 คนดูแลประชาชน 8,000 – 12,000 คน โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนรู้รายชื่อหมอประจำตัว 3 คนของตนเอง
        นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งมอบของขวัญปีใหม่ "คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน" ให้แก่คนไทยทั้งประเทศ ผ่าน 3 หมอ 3 มอบ ได้แก่ 1.มอบบัตรแนะนำตัว 3 หมอ ให้แก่ทุกครัวเรือน โดยในบัตรจะมีชื่อ ชื่อเล่น หมายเลขโทรศัพท์ทั้ง 3 คน ทั้งรูปแบบ E-Card โปสการ์ด โปสเตอร์ หรือชุดบัตรแนะนำตัว 3 หมอ พร้อมความรู้ ตารางนัดหมายและบันทึกสุขภาพ 2. มอบการดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียงถึงที่บ้าน พร้อมชุดของขวัญปีใหม่ 2564 และ 3. มอบคำแนะนำ ปรึกษา รักษา ประสานงาน และส่งต่อ ซึ่งจะใช้แอปพลิเคชันในระบบให้คำแนะนำ ปรึกษา คือ แอปพลิเคชัน 3 หมอ รู้จักคุณ และแอปพลิเคชัน คุยกับหมอ รวมทั้งให้กรมการแพทย์แผนไทยฯ จัดทำ Line official : @Ganja Chatbot กัญชาแชตบอท ใช้ปัญญาประดิษฐ์ตอบคำถามเรื่องกัญชาทางการแพทย์แผนไทยแบบอัตโนมัติกว่า 100 เรื่อง และมีทีม 3 หมอช่วยตอบคำถามที่ไม่มีอยู่ในระบบแชตบอท เพิ่มช่องทางการเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์แผนไทยที่เชื่อถือได้จากบุคลากรทางการแพทย์แผนไทย
        “การมอบของขวัญปีใหม่ปีนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่คนไทยทุกครอบครัว จะได้ทราบชื่อ เบอร์โทร และช่องทางให้คำปรึกษาจากหมอประจำตัว 3 คนของตนเอง ทุกพื้นที่ได้มีระบบการมอบหมายหมอประจำตัว 3 คนของประชาชนในพื้นที่ โดยข้อมูลระบบ 3 หมอเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 มีครอบครัวที่มีชื่อหมอประจำตัว 3 คนแล้ว 5,309,237 ครอบครัว โดยวันนี้มีการปล่อยคาราวาน 3 หมอไปยังทุกจังหวัด ไปเคาะประตูบ้าน มอบบัตรแนะนำตัว ทำความรู้จัก และส่งมอบชุดของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง” นายอนุทินกล่าว

n10

พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบหลักการตามข้อเสนอของนายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

ให้จ่ายค่าตอบแทน อสม. 500 บาท โดยให้ต่อเป็นระยะๆ เป็นเวลา 3 เดือน (มกราคม - มีนาคม 2564)

กรม สบส.แจ้ง รพ.เอกชนทั่วประเทศ ให้กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อและผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตรวจและรักษาฟรี

n13

n14

        กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แจ้งโรงพยาบาลเอกชนทั่วไทยให้กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อและผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทุกคน ได้รับการตรวจและรักษาฟรี ร่วมหยุดการแพร่กระจายโรคโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการเข้าถึงการรักษา โดยไม่ต้องกังวลต่อภาระค่าใช้จ่าย นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า การระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ที่เกิดขึ้นใน จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สร้างความวิตก กังวลให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หรือผู้ที่มีประวัติการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก กรม สบส.จึงขอความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ให้ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งสถานพยาบาลเอกชนอันถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญในระบบการสาธารณสุขไทย เพื่อที่จะร่วมกับภาครัฐหยุดการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล โดยไม่ต้องกังวลต่อภาระค่าใช้จ่าย โดยประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ กำหนดให้ ผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาล โดยให้ประชาชนเข้ารับสิทธิการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิรักษาของตนเอง แต่หากมีความจำเป็น หรือมีภาวะฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลใดก็ได้ทั้งรัฐ และเอกชนหรือหากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการเข้าข่ายป่วยโรคโควิด-19 และต้องการตรวจวินิจฉัยว่าตนมีอาการของโรคโควิด-19 หรือไม่ ก็สามารถเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิ หรือตามโรงพยาบาลใดๆก็ได้ทั้งรัฐและเอกชน หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดโรคโควิด-19 จะถูกส่งตัวรักษาตามกระบวนการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หากว่าไม่มีอาการเข้าข่ายป่วยตามหลักเกณฑ์ แล้วต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยที่แพทย์ไม่ได้วินิจฉัยให้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง หากสถานพยาบาลใดปฏิเสธการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ป่วยหรือญาติ จะถือว่ามีความผิดตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งมีอัตราโทษ ตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กรม สบส.ขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถโดยไม่เอาค่าใช้จ่ายมาเป็นเงื่อนไขห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วยหรือญาติโดยเด็ดขาด และให้จัดเก็บเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย เพื่อนำมาประกอบการเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด และหากประชาชนมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วน กรม สบส. 1426 ในวันและเวลาราชการ

 

n8

ศูนย์ส่งเสริมระบบงานบริการดิจิทัล ให้บริการตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการเข้าใช้ระบบ Biz portal

ที่เกี่ยวกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และระบบดิจิทัลต่างๆของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

โทรศัพท์ 0 2193 7005 , 0 2193 7000 ต่อ 18210, 18107

หน้าที่ 44 จาก 45

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ