กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 0 2193 7000

กรม สบส. ร่วมแสดงศักยภาพสาธารณสุขไทยในเวทีนิทรรศการระดับโลก World Expo 2025

d0dd28de503f71136e2370beb50abc3a

           กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมจัดงาน World Expo 2025 Osaka Kansai แสดงศักยภาพสาธารณสุขไทย ดึงดูดนักลงทุน ส่งเสริมเศรษฐกิจชาติ หนุนนำประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก

กรม สบส. ร่วมโครงการพาหมอไปหาประชาชนฯ สนองพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข

de27c2773e4aa4be8a8ba995486a1054

             วันนี้ (5 กันยายน 2567) ณ บริเวณหน้าเสาธง และโถงอาคาร 3 ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากรกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมโครงการจัดนิทรรศการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “กระทรวงสาธารณสุขรวมใจ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ” โดยมีพิธีถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกิจกรรม “โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” พร้อมนำเสนอการดำเนินงานโครงการ อสม.ทั่วไทย รวมใจปักหมุดผ่านแอป “พ้นภัย” เพื่อกลุ่มเปราะบางเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกิจกรรม

99f16396b5d2084a5322aad41fa6b6d2

กรม สบส. จับมือ สกมช. ดึง อสม. เป็นแนวร่วมสกัดภัยคุกคามทางไซเบอร์

        กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จับมือสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ร่วมกันกำหนดนโยบาย มาตรการ แนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2567 มีการแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ ทั้งหมด 612,603 เรื่อง โดย 3 อันดับแรกคือ หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 296,042 เรื่อง รองลงมา หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานฯ 82,162 เรื่อง และหลอกให้กู้เงิน 63,878 เรื่อง ดังนั้น เพื่อยกระดับความร่วมมือในการป้องกันการหลอกลวงทางไซเบอร์ กรม สบส. จึงร่วมกับ สกมช ในการสร้างองค์ความรู้สู่ประชาชน ผ่านเครือข่าย อสม. จำนวน1,075,163 คน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประชาชน ให้สามารถรู้เท่าทันกลลวง มีภูมิคุ้มกันด้านไซเบอร์ ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และเมื่อ อสม.มีความรู้ความเข้าใจ ก็จะสามารถนำไปถ่ายทอดให้กับคนในครอบครัวและชุมชนได้ กรม สบส. จึงได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้จากคุกคามทางไซเบอร์ เกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ อสม. และป้องกันการถูกหลอกลวงทางเทคโนโลยี

          นพ.สุระ อธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และยกระดับทักษะด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ อสม. โดยมีระยะเวลา 2 ปี ทั้งในรูปแบบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ e-learning รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนการดำเนินการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ร่วมกัน

          ทั้งนี้ กรม สบส.และสกมช. ได้มีการลงนามไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ร่วมเป็นประธานลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงาน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

กรม สบส.ร่วมทีมจังหวัดปทุมธานีลุยสอบ เหตุ รพ.เอกชน ปล่อยน้ำเสียลงที่สาธารณะ

0e1dc51725537bf9e9041778e694a41c

          ดร.ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่พบข้อร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ว่าพบสถานพยาบาลเอกชน ปล่อยน้ำทิ้งมายังท่อระบายน้ำในโครงการหมู่บ้านจนเอ่อล้นถนนในโครงการ ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ประชาชนเกรงว่าจะมีเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดโรคระบาดได้ เมื่อกรม สบส.ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าว นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส.ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย พนักงานเจ้าหน้าที่กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ และพนักงานเจ้าหน้าที่ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 4 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายอำเภอ ปลัดอำเภอ นายกเทศมนตรี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานพยาบาลเอกชนที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบพบน้ำขังบริเวณพื้นถนนรอบบริเวณโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งน้ำที่ขังมีลักษณะเป็นโคลนและส่งกลิ่นเหม็น โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า สาเหตุของน้ำขังเกิดจากท่อน้ำบริเวณขอบถนนมีลักษณะอุดตันไม่เกิดการระบายน้ำ จึงทำให้น้ำขังและส่งกลิ่นเหม็น ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงพยาบาลเอกชน และระบบท่อน้ำของโรงพยาบาลก็ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกันกับบริเวณด้านนอกที่มีน้ำท่วมขัง  อีกทั้งจากการตรวจสอบบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงพยาบาล ไม่พบสิ่งผิดปกติและค่าน้ำในบ่อบำบัดอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่เพื่อเป็นหลักประกันให้กับประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เก็บตัวอย่างน้ำในบ่อบำบัด ส่งตรวจกับสำนักงานอนามัยเพื่อดำเนินการตรวจสอบ และให้โรงพยาบาลแจ้งผลให้กับประชาชนผู้ร้องเรียนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป

กรม สบส. สืบสานโครงการพระราชดำริ “สุขศาลาพระราชทาน” จัดติวเข้มเติมองค์ความรู้ครูพยาบาล สร้างที่พึ่งด้านสุขภาพแก่ประชาชน

b493c4e45f8a6f5c341ea91a17300348

         กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) สืบสานโครงการพระราชดำริ “สุขศาลาพระราชทาน” จัดติวเข้มเติมองค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพครูพยาบาล เจ้าหน้าที่ และเครือข่าย 13 แห่ง ในเขตภาคเหนือ สร้างบุคลากรคุณภาพที่สามารถสร้างความเชื่อมั่น และเป็นที่พึ่งด้านสุขภาพให้ประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน

          นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า กรม สบส.ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนทั่วไทยให้ดีพร้อมในทุกด้าน ตามพระราชปณิธานของกรมสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่มุ่งหวังให้พสกนิกรผู้ยากไร้ในพื้นที่ทุรกันดารมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยการพัฒนาหน่วยพยาบาลให้เป็น “สุขศาลาพระราชทาน” ให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลตามแนวชายแดน หรือพื้นที่เสี่ยงภัยต่อความมั่นคง สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน ที่มีคุณภาพมาตรฐานได้อย่างเท่าเทียม และทั่วถึง ดังนั้น กรม สบส. โดยศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 1 และ 2 จึงมุ่งเน้นความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพครูพยาบาล เจ้าหน้าที่สุขศาลาพระราชทานและเครือข่าย ผ่านการจัดอบรมทบทวน และฟื้นฟูองค์ความรู้ในการให้บริการด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาที่สมเหตุสมผล การช่วยฟื้นคืนชีพเบื้องต้น การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การสอนสุขศึกษา และการสร้างสุขภาพดีในชุมชนและโรงเรียน เป็นต้น พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วย ครูพยาบาล เจ้าหน้าที่สุขศาลาพระราชทาน และผู้รับผิดชอบงานสุขศาลาพระราชทาน 13 แห่ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพที่สามารถเป็นที่พึ่งด้านสุขภาพแก่นักเรียนและประชาชนได้อย่างแท้จริง ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน

          ด้าน นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดี กรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า สุขศาลาพระราชทาน ทั้ง 13 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และเป็นพื้นที่พิเศษด้านความมั่นคง ทำให้ประชาชนเดินทางเข้ารับการรักษาพยาบาลทั้งภาวะปกติและภาวะฉุกเฉินด้วยความยากลำบาก ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูพยาบาล และเจ้าหน้าที่ จะต้องมีความรู้ ทักษะการให้บริการรักษาพยาบาล การปฐมพยาบาล การช่วยชีวิตเบื้องต้น และการส่งต่อผู้ป่วยได้อย่างมีคุณภาพ สามารถดูแลช่วยชีวิตเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินได้ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยมากขึ้น และยังส่งเสริมให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองด้านสุขภาพได้ ซึ่งในปัจจุบันมีสุขศาลาพระราชทานจำนวน 26 แห่ง และได้รับพระราชทานให้จัดตั้งเพิ่มอีก 1 แห่ง คือสุขศาลาพระราชทานบ้านสบโขง ต.สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งหมด 27 แห่ง โดยในปี 2567 กรมได้พัฒนาให้ผ่านการรับรองคุณภาพตามเกณฑ์ครบทุกแห่ง 26 แห่ง นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมสุขศาลาพระราชทานให้เป็น "ชุมชนสุขศาลาพระราชทานสุขภาพดี" จำนวน 8 แห่ง

     *************สิงหาคม 2567

446ddd2adfe8ee96a8427369a94aee37

a0ebccd046b3a519d9a8d57b95e0996e

0f861c190e07488175a21d801a0793d0

cf8eb74bf6a3e88636e03453fc1d9ed1

dfc9693b2d2f2ca3093eea22c7ee0a52

cd8f7e248841cb797623bae1c84fc740

247f4b3a69376e22d5e66cfbf87afd72

f9e867cbe905117399bacd40ee7e9179

49de6d1ea7abafbb1039f2843912e352

กรม สบส. ส่งทีมเอ็มเสิร์ท เข้าฟื้นฟูสถานพยาบาลหลังน้ำลดในพื้นที่ภาคเหนือ

073145e2197362967a94eb474538a094

         กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมสนับสนุนระบบบริการสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน หรือทีมเอ็มเสิร์ท (Medical Supportive Emergency Response Team : MSERT) เข้าฟื้นฟูสถานพยาบาลในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ซึ่งได้รับความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วม

กรม สบส. จับมือ 3 สถาบันการศึกษา ดันไทยสู่จุดหมายปลายทางสุขภาพโลก

23d757c2e9ffd14c7178766d0cf33703

          วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ นายแพทย์รณภพ เอื้อพันธเศรษฐ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ดร.ศุภิชัย ตั้งใจตรง กรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมการแพย์ครบวงจร ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการพัฒนาระบบนิเวศของอุตสาหกรรมบริการการแพทย์ครบวงจร ยกระดับบุคลากรทั้งด้านปริมาณ คุณภาพ และความต้องการของตลาด Medical Service, Wellness การพัฒนากฎหมายผลักดันประเทศไทยสู่จุดหมายปลายทางสุขภาพของโลก
61228c034effda0d53c1c2ab53854f7e
0225cd89d0b68af810406eb1dddd760d
1e8b5284b6e692e3a55ec3f1982fbee0

อธิบดีกรม สบส. เปิดงานวิชาการ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย”

f8d7cbcab53eb62e2bdd400813101945

          อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) เปิดงานวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายใต้หัวข้อ “ระบบบริการสุขภาพไทย อนาคตไทย” เปิดเวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้ ผลงานวิชาการ และนวัตกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่าย หนุนเสริมระบบสุขภาพไทยให้ดีอย่างยั่งยืน

กรม สบส. ร่วม ม.มหิดล พัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและพัฒนาศักยภาพครูฝึก อสม.

0c5575938adbcff20ddc819c401b1d45

          กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ร่วม มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกความร่วมมือพัฒนาศักยภาพครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามหลักสูตรมาตรฐาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะ ทักษะสำหรับครูฝึก อสม.ในงานสาธารณสุขมูลฐานไปถ่ายทอดความรู้ให้ อสม.ไปใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างสุขภาพชุมชนให้เข้มแข็ง วันนี้ (20 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. พร้อมด้วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและอบรมครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
          นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสาธารณสุขมูลฐานซึ่งมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพอนามัยโดยประชาชน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งจะต้องอาศัยพลังจากหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะพลังของภาคประชาชน อย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมและการจัดการสุขภาพชุมชน จะต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ครูฝึกอบรม อสม.จึงถือเป็นบุคคลสำคัญในการฝึกอบรม อสม.ให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะและเจตคติที่ดี พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อสม.ได้อย่างมีมาตรฐาน กรม สบส. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล (สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและพัฒนาศักยภาพครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ขึ้น ในระหว่างวันที่ 20 - 23 สิงหาคม 2567 ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง 2 หน่วยงาน ในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานครูฝึกอบรม อสม. ซึ่งจะเป็นหลักสูตรสำคัญในการสร้างและพัฒนาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้เป็นครูฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพของ อสม. ให้เป็นไปตามหลักการสาธารณสุขมูลฐาน โดยการประชุมฯ ในครั้งนี้ ได้มีการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้ง 2 หน่วยงาน มาให้ความรู้ในหลักสูตรครูฝึกอบรม อสม. แก่ภาคีเครือข่ายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชนทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค กว่า 160 ราย
          นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงสร้างหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานครูฝึกอบรม อสม. ที่ทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันพัฒนานั้น ประกอบด้วยเนื้อหา 10 รายวิชา อาทิ นโยบาย ทิศทางการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานและสุขภาพภาคประชาชน หลักการทฤษฎีที่เกี่ยวกับสาธารณสุขมูลฐาน คุณธรรม จริยธรรม ของครูฝึกอบรม อสม. การสื่อสารสุขภาพและการปรับพฤติกรรมสุขภาพ และเทคนิคการทำงานเป็นทีม เป็นต้น โดยใช้เวลาฝึกอบรม 25 ชั่วโมง มีรูปแบบการอบรมที่เน้นการปฏิบัติการ คิด วิเคราะห์ เพื่อสร้างให้ครูฝึกอบรม อสม. เป็นบุคคลต้นแบบที่สามารถนำความรู้ และทักษะที่ได้รับจากหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ในการฝึกอบรม อสม. และเป็นที่ปรึกษาในการจัดการฝึกอบรม อสม.ในพื้นที่ ให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลสุขภาพตนเองและชุมชนได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ เกิดการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐาน และเสริมสร้างระบบงานสุขภาพในระดับชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

0892435e41f063edca1af8ddd2ae866b

1fb8f62d74c3f46d9de0e2045d495e10

337fdbd5c510a986da3093f6b8532fb5

64f1453b7d7a7fbe84153dad77a1dba1

aa05b82195ab369cf61c0b55a03f800c

8616a5ffa44cb26a81dad4cd15d8355c

หน้าที่ 3 จาก 51

Save
Cookies user preferences
We use cookies to ensure you to get the best experience on our website. If you decline the use of cookies, this website may not function as expected.
ตกลง
ปฏิเสธ
Read more
Functional
Tools used to give you more features when navigating on the website, this can include social sharing.
AddThis
ตกลง
ปฏิเสธ
Analytics
Tools used to analyze the data to measure the effectiveness of a website and to understand how it works.
Google Analytics
ตกลง
ปฏิเสธ