- ข่าวประชาสัมพันธ์
- อ่าน: 81
กรม สบส. จับมือ 3 สถาบันการศึกษา ดันไทยสู่จุดหมายปลายทางสุขภาพโลก



กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ร่วม มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกความร่วมมือพัฒนาศักยภาพครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตามหลักสูตรมาตรฐาน เพื่อพัฒนาสมรรถนะ ทักษะสำหรับครูฝึก อสม.ในงานสาธารณสุขมูลฐานไปถ่ายทอดความรู้ให้ อสม.ไปใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างสุขภาพชุมชนให้เข้มแข็ง วันนี้ (20 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรม สบส. พร้อมด้วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและอบรมครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสาธารณสุขมูลฐานซึ่งมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพอนามัยโดยประชาชน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งจะต้องอาศัยพลังจากหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะพลังของภาคประชาชน อย่างอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมและการจัดการสุขภาพชุมชน จะต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ครูฝึกอบรม อสม.จึงถือเป็นบุคคลสำคัญในการฝึกอบรม อสม.ให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะและเจตคติที่ดี พร้อมปฏิบัติหน้าที่ อสม.ได้อย่างมีมาตรฐาน กรม สบส. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล (สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและพัฒนาศักยภาพครูฝึกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ขึ้น ในระหว่างวันที่ 20 - 23 สิงหาคม 2567 ซึ่งจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง 2 หน่วยงาน ในการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานครูฝึกอบรม อสม. ซึ่งจะเป็นหลักสูตรสำคัญในการสร้างและพัฒนาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้เป็นครูฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพของ อสม. ให้เป็นไปตามหลักการสาธารณสุขมูลฐาน โดยการประชุมฯ ในครั้งนี้ ได้มีการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้ง 2 หน่วยงาน มาให้ความรู้ในหลักสูตรครูฝึกอบรม อสม. แก่ภาคีเครือข่ายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชนทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค กว่า 160 ราย
นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงสร้างหลักสูตรฝึกอบรมมาตรฐานครูฝึกอบรม อสม. ที่ทั้ง 2 หน่วยงานร่วมกันพัฒนานั้น ประกอบด้วยเนื้อหา 10 รายวิชา อาทิ นโยบาย ทิศทางการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานและสุขภาพภาคประชาชน หลักการทฤษฎีที่เกี่ยวกับสาธารณสุขมูลฐาน คุณธรรม จริยธรรม ของครูฝึกอบรม อสม. การสื่อสารสุขภาพและการปรับพฤติกรรมสุขภาพ และเทคนิคการทำงานเป็นทีม เป็นต้น โดยใช้เวลาฝึกอบรม 25 ชั่วโมง มีรูปแบบการอบรมที่เน้นการปฏิบัติการ คิด วิเคราะห์ เพื่อสร้างให้ครูฝึกอบรม อสม. เป็นบุคคลต้นแบบที่สามารถนำความรู้ และทักษะที่ได้รับจากหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ในการฝึกอบรม อสม. และเป็นที่ปรึกษาในการจัดการฝึกอบรม อสม.ในพื้นที่ ให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดูแลสุขภาพตนเองและชุมชนได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ เกิดการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐาน และเสริมสร้างระบบงานสุขภาพในระดับชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณหน้าประตูภูธรลีลาศ พระลานพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร นายแพทย์สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดิกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมพิธีอัญเชิญเครื่องราชสักการะและพานพุ่มทูลเกล้าฯ ถวาย เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) มอบรางวัล Thai World Class Spa และ Nuad Thai Premium ให้แก่ผู้ประกอบการ จำนวน 139 ราย ประกอบด้วย Thai World Class Spa 42 ราย และ Nuad Thai Premium 97 ราย ตอกย้ำคุณภาพ ยกระดับมาตรฐานสู่สากล เพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับประเทศ
นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดให้เป็นจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวมากที่สุด และกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดคือ นวดแผนไทย ดังนั้นธุรกิจนวดและสปาเพื่อสุขภาพ จึงเป็นธุรกิจที่สามารถทำรายได้ให้กับประเทศ และยังมีแนวโน้มของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง กรม สบส. จึงตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริม พัฒนา ยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการนวด สปาของไทย ให้มีเอกลักษณ์การบริการของความเป็นไทยในระดับสากล รวมทั้งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจบริการนวดเพื่อสุขภาพ และสปาเพื่อสุขภาพด้วยรางวัล Thai World Class Spa และ Nuad Thai Premium เพื่อเป็นการรับรองถึงคุณภาพ มาตรฐานที่มีความเป็นอัตลักษณ์ของไทย ทั้งให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ต่อยอดในการส่งเสริมด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ และเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย
นพ.อัครพล คุรุศาสตรา ผู้ช่วยอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล Thai World Class Spa และ Nuad Thai Premium จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพมาตรฐาน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านสถานที่และสิ่งแวดล้อม ด้านบุคลากร ด้านบริการ ด้านผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และด้านบริหารและการจัดการองค์กร และมีอัตลักษณ์การบริการครบทั้ง 5 มิติ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส โดยในปี 2566 มีผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล จำนวน 139 ราย ประกอบด้วย Nuad Thai Premium จำนวน 97 ราย และThai World Class Spa จำนวน 42 ราย โดยแบ่งเป็นระดับ Platinum จำนวน 17 ราย ระดับ Gold จำนวน 16 ราย และระดับ Silver จำนวน 9 ราย
...........................20 สิงหาคม 2567
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารและบุคลากรกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฎิญาณฯ
วันนี้ (12 สิงหาคม 2567) ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพ้นปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) จัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) กรุงเทพมหานคร รุ่น 2 ต่อยอดอาวุธทางปัญญา สร้างเครือข่ายเฝ้าระวังเชิงรุก ร่วมเป็นหูเป็นตากับภาครัฐ พร้อมส่งต่อความรู้สู่ชุมชนประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันภัยสุขภาพในระยะยาว
วันนี้ (25 กรกฎาคม 2567) ณ อาคารกรม สบส. กระทรวงสาธารณสุข ดร.ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.เป็นปรานเปิดการอบรมพัฒนาศักยภาพเครือข่ายระบบเฝ้าระวังสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สำหรับเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โดยมีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และบุคลากรสังกัดกรม สบส. จำนวน 165 คนเข้าร่วม
ดร.ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งมุ่งให้ภาครัฐพัฒนากระบวนงานตามภารกิจเข้าสู่การเป็นภาครัฐดิจิทัล นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆอย่างมีประสิทธิผล มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายบริการสุขภาพ เพื่อตรวจสอบและเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านบริการสุขภาพ โดยเฉพาะปัญหาการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถานพยาบาล เช่น คลินิกเถื่อน หมอเถื่อน หรือการลักลอบให้บริการเสริมความงามนอกสถานที่ของหมอกระเป๋า ฯลฯ ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันมีคลินิก 8,147 แห่ง โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กรม สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับสถานพยาบาล มากกว่า 400 เรื่อง โดยประเด็นเรื่องร้องเรียนสำคัญที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ได้แก่ การตรวจสอบมาตรฐานของสถานพยาบาล การโฆษณาโอ้อวดเกินจริง ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงสถานพยาบาลเถื่อน และหมอเถื่อน ดังนั้น การพัฒนามาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการป้องปราม การกระทำผิด ซึ่งกรม สบส.เล็งเห็นถึงความสำคัญของเครือข่ายภาคประชาชนอย่างอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) จึงกำหนดจัดการอบรมฯ ในวันนี้ขึ้น โดยเป็นการอบรม อสส. รุ่นที่ 2 เพื่อต่อยอดอาวุธทางปัญญาให้กับ อสส. ทั้ง 50 เขต ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีอยู่ประมาณ 17,000 คน ได้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ถึงบทบาทในการตรวจสอบ และเฝ้าระวังคลินิกในเขตกรุงเทพมหานคร เกิดการพัฒนาศักยภาพและขยายผลเครือข่ายการเฝ้าระวังเชิงรุก ให้สามารถเป็นหูเป็นตาร่วมกับภาครัฐในการเฝ้าระวัง คุ้มครองผู้บริโภคในด้านระบบริการสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“แม้กรม สบส.จะดำเนินงานเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบมาโดยตลอด แต่ด้วยกำลังของภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว อาจจะไม่สามารถป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายได้ทุกกรณี จึงต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ อสม.และ อสส.ซึ่งเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิด คุ้นเคยกับประชาชน และพื้นที่เป็นอย่างดี ร่วมส่งต่ออาวุธทางปัญญาที่ได้รับจากการอบรมฯ ไปสู่ประชาชนให้เข้าถึง เข้าใจต่อภัยอันตรายของคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน หรือการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง จนเป็นภูมิคุ้มกันติดตัวประชาชนไปในระยะยาว” ดร.ทพ.อาคมฯ กล่าว
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) จัดพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรอบรม Medical Hub Executive Program 2024 (MEP 2024) ผลิตผู้บริหารชั้นแนวหน้า จากทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ รวม 85 ราย ร่วมผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยสู่เวทีโลก
วันนี้ (6 สิงหาคม 2567) ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตร MEP 2024 โดยมีนายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นผู้กล่าวรายงานสรุปการจัดการอบรมหลักสูตร MEP 2024
นายแพทย์สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดี กรม สบส. ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่ กรม สบส.ร่วมกับมูลนิธิกรม สบส.จัดหลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหารระดับสูง Medical Hub Executive Program 2024 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้บริหารทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจ ทั้ง 85 ท่าน ให้มีองค์ความรู้ทางวิชาการที่ทันสมัย สนับสนุนศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจการดูแลสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างให้ความสนใจ โดยหลักสูตร MEP 2024 เริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ถึง 6 สิงหาคม 2567 ระยะรวมเวลา 14 สัปดาห์ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร และศึกษาดูงานในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพชั้นนำ ภายใต้การออกแบบหลักสูตรที่มีเนื้อหาทันสมัย Big 4 Innovation Module “I for D H S S” ที่มุ่งเน้น 1.ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสุขภาพ 2.กรณีศึกษาของกิจการด้านสุขภาพชั้นนำ 3.ทิศทางนโยบายรัฐบาล สภาพสังคม เศรษฐกิจ และ4.นโยบายสำคัญด้าน Soft Power ที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อน และยกระดับอุตสาหกรรมสุขภาพให้มีมูลค่าสูง ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมฯ จะนำความรู้ที่ได้รับไปใช้พัฒนาศักยภาพการแข่งขันด้านธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพให้สามารถตอบโจทย์ต่อแนวโน้มและความท้าทายของระบบสุขภาพไทย ผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพไทยขึ้นแท่นผู้นำในอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรอย่างแท้จริง
ด้าน ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า จากการพูดคุยและรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร MEP 2024 ในช่วง 14 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าผู้เข้ารับการอบรมมีความเห็นต่อหลักสูตรฯ ในทิศทางที่ดี อาทิ เนื้อหาวิชาการอบรมของหลักสูตรมีความสอดคล้อง มีการระบุแผนการอบรมอย่างชัดเจน ตรงกับความต้องการของผู้รับการอบรม วิทยากรแต่ละท่านมีคุณวุฒิ ประสบการณ์ที่เหมาะสม มีการบรรยาย และอภิปรายที่เน้นให้ความสำคัญต่อผู้เข้ารับการอบรม สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้พัฒนาทักษะที่มีอยู่เดิม และพัฒนาให้เกิดทักษะใหม่ในการดำเนินการด้านธุรกิจสุขภาพเป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (Business Networking) ทำให้ได้เครือข่ายและความร่วมมือทางธุรกิจ รวมทั้งเห็นโอกาสทางธุรกิจ/ตัวอย่างจากธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ กิจกรรมการประชุมวิชาการกลุ่ม ทำให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายในการเดินหน้าอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยสูเวทีโลก
วันนี้ (24 กรกฎาคม 2567) ณ กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อแสดงความมุ่งมั่นแน่วแน่ ที่จะเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่ตามรอยพระยุคลบาทในฐานะข้าของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธี
หน้าที่ 7 จาก 54